วันพุธที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2555

เริ่มต้นการใช้งานฟังก์ชั่นใน Excel

เริ่มต้นการใช้งานฟังก์ชั่นใน Excel


·  รู้จักกับฟังก์ชั่น



ฟังก์ชั่น (Function) แต่ละฟังก์ชั่นจะมีรูปแบบหรือโครงสร้างการใช้งานที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันดังนี้


=ชื่อฟังก์ชั่น (อาร์กิวเมนต์1, อาร์กิวเมนต์2, อาร์กิวเมนต์3, อาร์กิวเมนต์n)


=Function name (Argument1, Argument2, Argument3, Argument)


ชื่อฟังก์ชั่น เป็นส่วนที่บอกหน้าที่และวิธีการคำนวณ เช่น ฟังก์ชั่น SUM, AVERAGE, ทีหน้าที่หาค่าเฉลี่ย, ฟังก์ชั่น COUNT ทำหน้าที่นับจำนวน เป็นต้น
วงเล็บ ( ) ในทุกฟังก์ชั่นนต้องมีวงเล็บต่อท้าย เช่น SUM ( ) , AVERAGE ( ) , SORT ( )
อาร์กิวเมนต์ (Argument) คือส่วนของข้อมูลที่ฟังก์ชั่นจะนำไปใช้ประมวลผล ซึ่งอาจจะเป็นเซลอ้างอิง ตัวเลข ข้อความ หรือค่าตรรกะ เช่น จริงหรือเท็จ อาร์เรย์ ค่าความผิดพลาด สูตรหรือฟังก์ชั่นอื่น ซึ่งแต่ละฟังก์ชั่นจะต้องการอาร์กิวเมนต์ที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับรูปแบบของฟังก์ชั่นและจำนวนข้อมูลที่จะใช้ บางฟังก์ชั่นอาจต้องการอาร์กิวเมนต์มากกว่า 1 ตัว เช่น SUM(A1:A30) หรือ ROUND(A10,2) เป็นต้น



·  ข้อกำหนดการเขียนฟังก์ชั่น



o   ขึ้นต้นด้วยเครื่องหมาย = (เท่ากับ) เสมอ ตามด้วยชื่อฟังก์ชั่นซึ่งสามารถพิมพ์ด้วยตัวอักษรแบบพิมพ์เล็กหรือพิมพ์ใหญ่ก็ได้
o   การเขียนฟังก์ชั่นต้องไม่มีการย่อหน้าหรือเว้นวรรค โดยต้องพิมพ์สูตรติดต่อไปจนจบ
o   อาร์กิวเมนต์ทั้งหมดจะต้องอยู่ภายใต้เครื่องหมาย ( ) (วงเล็บ) โดยพิมพ์ต่อจากชื่อฟังก์ชั่น อาร์กิวเมนต์แต่ละตัวจะคั่นด้วยเครื่องหมาย , (comma)
o   บางฟังก์ชั่นอาจมีอาร์กิวเมนต์เพียงตัวเดียว หรือไม่มีอาร์กิวเมนต์เลยก้ได้ เช่น =TODAY( )
o   ใส่เครื่องหมาย “  ” คร่อมบนอาร์กิวเมนต์ที่เป็นข้อความเสมอ เช่น =TEMEVALUE(“12:00”)
o   ห้ามใส่เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ที่ใช้กำหนดรูปแบบข้อมูลประเภทตัวเลข เช่น $, & เป็นต้น




· การใส่ฟังก์ชั่น



วิธีที่ 1 พิมพ์ฟังก์ชั่นลงในเซล วิธีนี้ใช้ในกรณีที่ทราบชื่อฟังก์ชั่นและอาร์กิวเมนต์อยู่แล้ว โดยพิมพ์ชื่อฟังก์ชั่นลงไปโดยตรงบนแถบสูตร แล้วเลือกอาร์กิวเมนต์ที่ใช้สำหรับฟังก์ชั่นนั้นๆ


1.  คลิกในเซลใส่เครื่องหมาย =
2.  พิมพ์ฟังก์ชั่น ตามด้วยวงเล็บเปิดเสมอ  =SUM
3.  พิมพ์หรือคลิกลากเลือกช่วงเซลที่จะใช้เป็นอาร์กิวเมนต์ ถ้ายังมีอาร์กิวเมนต์อื่นอีก ให้พิมพ์เครื่องหมายคอมม่า (,) คั่นอาร์กิวเมนต์
4.  เมื่อได้อาร์กิวเมนต์ครบตามต้องการให้พิมพ์วงเล็บปิด เพื่อจบฟังก์ชั่น
5.  กดคีย์ Enter เพื่อจบสูตร



วิธีที่ 2 เลือกฟังก์ชันจากรายการแยกประเภท








1. คลิกเซลที่จะใส่ฟังก์ชั่น
Insert Function(แทรกฟังก์ชั่น) หรือกด Shift + F3
2. คลิกปุ่ม
    3. คลิกเลือกประเภทของฟังก์ชั่นจากเมนูของช่อง Or select a category (หรือเลือกประเภท) ในตัวอย่างเลือก Statistical ฟังก์ชันสถิติ
    4. คลิกฟังก์ชั่นที่ต้องการ เช่น ถ้าจะหาค่าเฉลี่ยก็เลือกฟังก์ชั่น AVERAGE (หากไม่แน่ใจว่าจะใช้ฟังก์ชั่นไหน ก็คลิกฟังก์ชันที่สงสัยแล้วดูคำอธิบายของฟังก์ชันนั้น)
    5. คลิก   OK (ตกลง)

             6.  ที่ช่อง Number1, Number2 … ให้ใส่อาร์กิวเมนต์แต่ละตัวให้ครบ
               7.  ใช้เมาส์คลิกเซลที่เป็นอาร์กิวเมนต์หรือที่จะนำมาคำนวณ

             8.  คลิกปุ่ม Collaps



        เพื่อคลี่ไดอะล็อกบ็อกซ์กลับออกมา
                9.    ถ้ายังมีอาร์กิวเมนต์อื่นอีกก็ใส่ในช่องถัดมา ด้วยวิธีเดิมหรือจะพิมพ์ลงไปเองก็ได้ สำหรับอาร์กิวเมนต์ที่จำเป็น (ชื่อเป็นตัวหนา) จะต้องใส่ให้ครบ ส่วนอาร์กิวเมนต์ที่เป็นทางเลือก (ชื่อเป็นตัวบาง) จะใส่หรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับลักษณะของผลลัพธ์ที่ต้องการ
               10.   คลิก OK เพื่อจบสูตร


          วิธีที่ 3 เลือกฟังก์ชั่นจากปุ่ม AutoSum (ผลรวมอัตโนมัติ)
           


          1. คลิกเมาส์ในเซลที่จะสร้างสูตรคำนวณ
          2. คลิกปุ่มลูกศรหลังปุ่ม AutoSum
          3. เลือกฟังก์ชั่น
          4. คลิกเลือกขอบเขตเซลที่จะใช้คำนวณ
          5. คลิปุ่ม AutoSum ซ้ำ หรือกด Enter


          วิธีที่ 4 เลือกฟังก์ชั่นจากรายการที่ใช้บ่อย
          1. พิมพ์เครื่องหมาย = ในเซล หรือบนแถบสูตรคำนวณ
          2. คลิกลูกศร V
          3. คลิกเลือกฟังก์ชั่นที่ต้องการจากรายการที่แสดง
          4. ป้อนอาร์กิวเมนต์ต่างๆ ให้ครบ
          5. คลิก OK



                  


          ·  วิธีแก้ไขสูตรคำนวณและฟังก์ชั่น

          วิธีที่ 1 แก้ไขด้วยตัวเอง
          1.   คลิกเลือกเซลที่มีสูตรแล้วกดคีย์ F2 (หรือดับเบิลคลิกในเซล) จะเข้าสู่โหมด แก้ไข (Edit) สังเกตว่า Excel จะใช้สีของแต่ละชื่อเซลในสูตรไปตีกรอบรอบเซลเหล่านั้น
          2.   จะแก้ไขชื่อเซลใด ก็ให้ใช้เมาส์คลิกค้างที่เส้นขอบของเซลนั้น คลิกลากเมาส์ไปยังเซลใหม่ แล้วปล่อยเมาส์ หรือจะลบเซลเดิม แล้วพิมพ์ชื่อเซลใหม่ลงไปในเซลนั้นหรือที่แถบสูตร

          วิธีที่ 2 แก้ไขโดยใช้ Formula Palette
          1. คลิกเลือกเซลที่จะแก้ไข
          2.  คลิกปุ่ม Insert Function (แทรกฟังก์ชั่น)
          3. แก้ไขค่าในสูตร หรือคลิกไปเลือกเซลใหม่
          4. คลิก OK



          <Key Word สำหรับค้นหาบทความนี้> สอน Excel, Excel ขั้นสูง, หลักสูตร Excel, คำนวณ Excel, อบรม Excel, เรียน Excel, สูตร Excel, Excel Advance