·
ฟังก์ชั่น IF
Function
IF () จะใช้สำหรับทดสอบเงื่อนไขและตัดสินใจในการทำงาน
ตามเงื่อนไขที่เรากำหนดลงไป ซึ่งจะใช้กับข้อมูลที่มีทางเลือกในการตัดสินใจหลายทาง
โดยโปรแกรมจะนำเงื่อนไขไปทดสอบแล้วส่งค่ากลับเป็นตรรกศาสตร์ว่าจริง (True) หรือเท็จ (False) แล้วถ้าจริงให้ทำอะไรและถ้าเท็จจะให้ทำอะไร
รูปแบบฟังก์ชั่น
=IF(logical_test,[value_if_true],[value_if_falsel)
logical_test
หมายถึง
เงื่อนไขที่จะใช้ทดสอบ
value_if_true
หมายถึง
ถ้าเงื่อนไขเป็นจริงให้ทำอะไร อาจจะเป็น สูตร ตัวเลข หรือ “ข้อความ” ใดๆ
value_if_false
หมายถึง
ถ้าเงื่อนไขเป็นเท็จให้ทำอะไร อาจจะเป็น สูตร ตัวเลข หรือ “ข้อความ” ใดๆ
** ฟังก์ชั่น
IF จะใช้ได้สูงสุดไม่เกิน 7 ชั้น ต่อ 1 สูตร
**
เมื่อเปิดฟังก์ชั่น IF
จะตามด้วยเครื่องหมาย ( วงเล็บเปิดเสมอ ดังนั้นก็ต้องปิดด้วย )
วงเล็บปิด ให้ครบตามจำนวน IF ที่เปิดด้วย
**
การพิมพ์สูตร IF
ต้องพิมพ์ยาวต่อเนื่องติดกันในครั้งเดียวในจนกว่าจะจบสูตรแล้วจึงกด Enter
·
ฟังก์ชัน SUM
เป็นฟังก์ชั่นที่ถูกนำมาใช้งานมากที่สุดฟังก์ชั่นหนึ่ง
ทำหน้าที่ส่งกลับผลรวมของข้อมูลตัวเลข
สามารถเรียกใช้ฟังก์ชั่นนี้ได้อย่างรวดเร็วโดยการคลิกปุ่ม AutoSum
รูปแบบฟังก์ชั่น
SUM(number1,number2,….)
number
1,number2,… ตัวเลขที่จะนำมาบวกกัน
หรืออ้างอิงไปยังเซล/ช่วงเซลที่จะนำข้อมูลมาบวกกัน โดยจำนวนอาร์กิวเมนต์มีได้ตั้งแต่
1 ถึง 30 ตัว
·
ฟังก์ชั่น SUMIF
เป็นฟังก์ชั่นส่งกลับค่าผลรวมแบบมีเงื่อนไข
เช่น หาจำนวนพนักงานทั้งหมดในแผนกบัญชีที่มีเงินเดือนมากกว่า 20,000 บาท
รูปแบบฟังก์ชั่น
SUMIF(range,criteria,sum_range)
range ช่วงเซลที่จะนำข้อมูลมาเปรียบเทียบกับเงื่อนไขที่ระบุไว้
criteria เงื่อนไขที่ระบุไว้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามเป้าหมาย
โดยเงื่อนไขนี้เป็นได้ทั้งตัวเลข นิพจน์ หรือข้อความ
sum_range ช่วงเซลข้อมูลที่จะนำมาหาผลรวมตามเงื่อนไขที่ระบุ
·
ฟังก์ชั่น COUNT
เป็นฟังก์ชั่นส่งกลับจำนวนเซลทั้งหมดที่มีข้อมูลแบบตัวเลข
ซึ่งจะรวมถึงจำนวนตัวเลยที่แสดงโดยตรงในอาร์กิวเมนต์ของฟังก์ชั่นด้วย
รูปแบบฟังก์ชั่น
COUNT(value1,value2,…)
value1,value2,… ค่าตัวเลข
อาร์เรย์ หรือการอ้างอิงไปยังช่วงเซลที่มีค่าตัวเลขที่จะนำมานับจำนวน
โดยจำนวนอาร์กิวเมนต์มีได้ตั้งแต่ 1 ถึง 30 อาร์กิวเมนต์
o
ถ้าอาร์กิวเมนต์เป็นค่าตัวเลข วันที่ ค่าตรรกะ
หรือตัวเลขแบบข้อความ จะถูกนับรวมเข้าไปด้วย
โดยอาร์กิวเมนต์ที่เป็นค่าผิดพลาดหรือข้อความที่ไม่สามารถแปลงเป็นตัวเลขจะไม่ถูกนับรวม
o
ถ้าอาร์กิวเมนต์เป็นอาร์เรย์ค่าคงที่หรือการอ้างอิงช่วงเซลเฉพาะค่าตัวเลขในอาร์เรย์ค่าคงที่หรือช่วงเซลนั้นที่จะถูกนับรวม
โดยเซลว่าง ค่าตรรกะ ข้อความ และค่าความผิดพลาดต่างๆ จะไม่ถูกนับรวม
·
ฟังก์ชั่น COUNTIF
เป็นฟังก์ชั่นส่งกลับจำนวนเซลทั้งหมดที่ไม่ใช่ค่าว่างที่อยู่ในช่วงเซลที่ระบุ
โดยกำหนดเงื่อนไขในการนับจำนวน
รูปแบบฟังก์ชั่น
COUNTIF(range,criteria)
range อ้างอิงไปยังช่วงเซลที่ต้องการนำมานับจำนวนข้อมูลที่ไม่ใช่ค่าว่าง
ตามเงื่อนไขที่กำหนดใน criteria
criteria เงื่อนไขที่อยู่ในรูปของตัวเลข ข้อความ หรือนิพจน์
เพื่อใช้เป็นตัวกำหนดว่าเซลใดบ้างที่จะถูกนับหรือไม่ถูกนับ
·
ฟังก์ชั่น DATE
เป็นฟังก์ชั่นที่ใช้แปลงตัวเลขวัน
เดือน ปี ให้เป็นวันที่ (ถ้ากำหนดรูปแบบการแสดงผลเป็น General ไว้ก่อน เมื่อป้อนสูตรจะแสดงผลลัพธ์เป็นวันที่ เนื่องจาก Excel จะเปลี่ยนรูปแบบเป็น Date ให้โดยอัตโนมัติ
แต่ถ้ากำหนดรูปแบบเป็น Number หรือ General ในภายหลังจะแสดงผลลัพธ์เป็นเลขลำดับ)
รูปแบบฟังก์ชั่น
DATE(year,month,day)
Year ตัวเลขปี ค.ศ. สามารถกำหนดได้ตั้งแต่ 1 หลัก ถึง 4 หลัก
ถ้ากำหนดเลขปีน้อยกว่า 4 หลัก และระบบวันที่เป็นแบบ 1900 เช่น กำหนดตัวเลข year
คือ 30 จะได้ปี ค.ศ. เท่ากับ 1930
Month1 ตัวเลขแสดงลำดับของเดือน
มีค่าตั้งแต่ 1 ถึง 12 เช่น 1, 2, 3 หมายถึงเดือนมกราคม, กุมภาพันธ์ และมีนาคม
ตามลำดับ ถ้าตัวเลขมากกว่า 12 (ธันวาคม) Excel จะนำมาหารด้วย
12 เศษที่เหลือจะหมายถึงลำดับที่ของเดือนในปีถัดไป
Day ตัวเลขแสดงวันที่ใน 1 เดือน ถ้ามีค่ามากกว่าวันที่สุดท้ายของเดือนนั้น Excel
จะนำจำนวนวันที่เกินมาเป็นวันที่ของเดือนถัดไป
·
ฟังก์ชั่น TIME
เป็นฟังก์ชั่นที่ใช้แปลงตัวเลขชั่วโมง
นาที วินาที ให้เป็นเวลา (ถ้ากำหนดรูปแบบการแสดงผลเป็น General จะแสดงผลลัพธ์เป็นเวลา เนื่องจาก Excel จะเปลี่ยนรูปแบบให้โดยอัตโนมัติ
แต่ถ้ากำหนดรูปแบบเป็น Number จะแสดงผลลัพธ์เป็นเลขลำดับ
รูปแบบฟังก์ชั่น
TIME(hour,minute,second)
Hour ค่าตัวเลขตั้งแต่ 0 ถึง 32767 โดยตัวเลข 0-23 จะเป็นค่าของชั่วโมง
ส่วนตัวเลขที่มากกว่า 23 จะถูกหารด้วย 24 เศษที่เหลือจึงจะเป็นค่าของชั่วโมง
Minute ค่าตัวเลขตั้งแต่ 0 ถึง 32767 โดยตัวเลข 0-59 จะเป็นค่าของนาที
ส่วนตัวเลขที่มากกว่า 59 จะถูกแปลงให้เป็นชั่วโมงและนาที
Second ค่าตัวเลขตั้งแต่
0 ถึง 32767 โดยตัวเลข 0-59 จะเป็นค่าของวินาที ส่วนตัวเลขที่มากกว่า 59
จะถูกแปลงให้เป็นชั่วโมง นาที และวินาที ตามลำดับ
·
ฟังก์ชั่น NOW
เป็นฟังก์ชั่นที่ใช้แสดงวันที่และเวลาปัจจุบันของระบบ
(วันที่และเวลาที่แสดงบนทาสก์บาร์ของวินโดวส์) ถ้ากำหนดรูปแบบการแสดงผลเป็น General
เมื่อป้อนสูตรจะแสดงผลลัพธ์เป็นวันที่ เนื่องจาก Excel จะเปลี่ยนรูปแบบเป็น DATE ให้โดยอัตโนมัติ
แต่ถ้ากำหนดรูปแบบเป็น Number หรือ General ให้ภายหลัง จะแสดงผลลัพธ์เป็นเลขลำดับ โดยวันที่และเวลา (หรือเลขลำดับ)
ที่ได้จากฟังก์ชั่น NOW จะถูกปรับปรุงเป็นวันที่และเวลาล่าสุดเมื่อกดคีย์
F9 เพื่อให้สูตรคำนวณค่าใหม่
รูปแบบฟังก์ชั่น
NOW( )
·
ฟังก์ชั่น TODAY
เป็นฟังก์ชั่นที่ใช้แสดงวันที่ปัจจุบันของระบบ
การทำงานจะคล้ายกับฟังก์ชั่น NOW ต่างกันที่ฟังก์ชั่นนี้จะไม่แสดงเวลาด้วย
ถ้ากำหนดรูปแบบการแสดงผลเป็น General ไว้ก่อน
เมื่อป้อนสูตรจะแสดงผลลัพธ์เป็นวันที่ แต่ถ้ากำหนดรูปแบบเป็น Number หรือ General ในภายหลัง จะแสดงผลลัพธ์เป็นเลขลำดับ
โดยวันที่ (หรือเลขลำดับ) นี้จะถูกปรับปรุงเป็นวันที่ล่าสุด
เมื่อกดคีย์ F9 เพื่อให้สูตรคำนวณค่าใหม่
รูปแบบฟังก์ชั่น
TODAY( )
·
ฟังก์ชั่น LEFT
เป็นฟังก์ชั่นที่ใช้ในการส่งกลับอักขระตัวแรกที่อยู่ซ้ายสุดของข้อความ
หรือส่งกลับกลุ่มอักขระที่นับจากซ้ายสุดของข้อความตามจำนวนที่ระบุ
รูปแบบฟังก์ชั่น
LEFT
(text,num_chars)
Text
ข้อความ
หรืออ้างอิงไปยังเซลที่มีข้อความที่ต้องการให้มีการส่งกลับ
อักขระตัวแรกหรือกลุ่มอักขระ
Num_chars ระบุจำนวนอักขระที่ต้องการให้ส่งกลับจากข้อความใน
text
·
ฟังก์ชั่น RIGHT
เป็นฟังก์ชั่นที่ใช้ในการส่งกลับอักขระสุดท้ายที่อยู่ขวาสุดของข้อความ
หรือส่งกลับกลุ่มอักขระที่นับจากขวาสุดของข้อความตามจำนวนที่ระบุ
รูปแบบฟังก์ชั่น
RIGHT
(text,num_chars)
Text ข้อความในเครื่องหมาย “ ” หรืออ้างอิงไปยังเซลที่มีความความที่ต้องการให้มีการส่งกลับอักขระตัวแรกหรือกลุ่มอักขระ
Num_chars ระบุจำนวนอักขระที่ต้องการให้ส่งกลับจากข้อความใน
text
·
ฟังก์ชั่น MID
เป็นฟังก์ชั่นที่ใช้ส่งกลับกลุ่มอักขระที่ต้องการแยกออกจากข้อความตามตำแหน่งและจำนวนที่ระบุ
รูปแบบฟังก์ชั่น
MID(text,start_num,num_chars)
Text ข้อความในเครื่องหมาย “ ” หรืออ้างอิงไปยังเซลที่มีความความที่ต้องการให้มีการส่งกลับอักขระตัวแรกหรือกลุ่มอักขระ
Start_num ตัวเลขระบุตำแหน่งของอักขระตัวแรกที่ต้องการแยกออกจากข้อความโดยกำหนดให้ 1
หมายถึงอักขระตัวแรก
Num_chars จำนวนอักขระที่ต้องการแยกออกจากข้อความ
·
ฟังก์ชั่น LEN
เป็นฟังก์ชั่นส่งกลับจำนวนอักขระทั้งหมดในข้อความนั้น
โดยอักขระจะรวมถึง ตัวเลข ตัวอักษร (สระ และวรรณยุกต์ ถ้าเป็นภาษาไทย)
สัญลักษณ์ต่างๆ และช่องว่าง
รูปแบบฟังก์ชั่น
LEN(text)
Text ข้อความ
หรืออ้างอิงไปยังเซลที่มีข้อความที่ต้องการนับจำนวนอักขระทั้งหมด
·
ฟังก์ชั่น FIND
เป็นฟังก์ชั่นที่ใช้ค้นหาข้อความที่ต้องการจากข้อความอื่นๆ
ที่ระบุ (อักขระต้องตรงกันทั้งตัวพิมพ์ใหญ่และตัวพิมพ์เล็ก)
แล้วส่งกลับค่าตัวเลขที่แสดงตำแหน่งของอักขระตัวแรกของข้อความที่ค้นพบ
ตัวอย่างเช่น ให้ค้นหาข้อความ “First Sample” จากข้อความ “My
First Sample” ฟังก์ชั่น FIND จะส่งกลับค่าตัวเลข
4 ซึ่งเป็นตำแหน่งของตัว “F” ถ้าฟังก์ชั่น FIND ไม่พบข้อความที่ต้องการ จะแสดงข้อผิดพลาด #VALUE!
รูปแบบฟังก์ชั่น
FIND(find_text,within_text,start_num)
Find_text ข้อความที่ต้องการค้นหา
Within_text ข้อความที่มีข้อความที่ต้องการค้นหา
Start_num ตัวเลขระบุตำแหน่งอักขรุใน within_text ที่ต้องการให้เริ่มค้นหา
โดยกำหนดให้ลำดับที่ 1 หมายถึงอักขระตัวแรกของ within_text ลำดับที่ 2 หมายถึงอักขระตัวที่สองของ within_text
และอื่นๆ ตามลำดับ
โดยนับรวมช่องว่างด้วย ถ้าไม่ระบุ start_num ไว้จะหมายถึงลำดับที่
1
ถ้า start_num เป็นค่าติดลบหรือมีค่ามากกว่าจำนวนอักขระใน
within_text จะแสดงข้อผิดพลาด
#VALUE!
·
ฟังก์ชั่น SUBSTITUTE
เป็นฟังก์ชั่นที่ใช้สำหรับการแทนที่ข้อความใดๆ
ด้วยข้อความที่กำหนด การทำงานจะคล้ายฟังก์ชั่น REPLACE ต่างกันตรงที่ฟังก์ชั่น
REPLACE จะแทนที่โดยการระบุตำแหน่งในข้อความเดิม
แต่ฟังก์ชั่น SUBSTITUTE สามารถระบุข้อความที่จะให้ถูกแทนที่ได้โดยตรง
รูปแบบฟังก์ชั่น
SUBSTITUTE
(text,old_text,new_text,instance_num)
Text ข้อความ
หรืออ้างอิงไปยังเซลที่มีข้อความที่จะถูกแทนที่
Old_text ข้อความบางส่วนใน
text ที่ต้องการให้ถูกแทนที่ด้วยข้อความใหม่
New_text ข้อความใหม่ที่ต้องการนำมาแทนที่
old_text
Instance_num ตัวเลขระบุตำแหน่งของ old_text ที่ต้องการให้มีการแทนที่เกิดขึ้น
เหตุที่ต้องระบุตำแหน่งเนื่องจากในบางกรณีอาจมี old_text ที่ซ้ำกันมากกว่า
1 ตำแหน่งในข้อความนั้น ถ้าไม่ระบุ instance_num ไว้จะมีผลให้
old_text ที่ซ้ำกันทุกตำแหน่งถูกแทนที่ทั้งหมด
·
ฟังก์ชั่น TRIM
เป็นฟังก์ชั่นที่ใช้ตัดช่องว่างออกจากข้อความ (ยกเว้นช่องว่างระหว่างคำ)
สามารถนำมาใช้ตัดช่องว่างที่มากเกินปกติออกไปจากข้อความได้ เช่น
ข้อความที่นำเข้ามาจากโปรแกรมประยุกต์อื่นๆ ที่มีการเว้นวรรคระหว่างคำมากเกินไป
เป็นต้น
รูปแบบฟังก์ชั่น
TRIM(text)
Text ข้อความ
หรืออ้างอิงไปยังเซลที่มีข้อความที่ต้องการนำมาตัดช่องว่างที่เกินปกติ
·
ฟังก์ชั่น VLOOKUP
เป็นฟังก์ชั่นค้นหาค่าในคอลัมน์แรกของตารางหรืออาร์เรย์ข้อมูล
แล้วส่งกลับค่าที่อยู่ในคอลัมน์เดียวกันของแถวที่ระบุไว้
รูปแบบฟังก์ชั่น
VLOOKUP(lookup_value,table_array,col_index_num,range_lookup)
Lookup_value ค่าที่ต้องการค้นหาจากคอลัมน์แรกหรือคอลัมน์ซ้ายสุดของตาราง
ซึ่งเป็นได้ทั้งค่าตัวเลข ข้อความ หรือการอ้างอิงเซล
Table_array การอ้างอิงไปยังตารางที่ต้องการนำมาค้นหาข้อมูลที่ตรงกับ lookup_value
ซึ่งการอ้างอิงนี้อาจใช้การอ้างอิงตำแหน่งช่วงเซลหรืออ้างอิงชื่อช่วงเซลก็ได้
Col_index_num หมายเลขคอลัมน์ใน table_array ที่ต้องการให้ส่งค่าที่ตรงกับ
lookup_value กลับมา
o
ถ้า col_index_num เท่ากับ 1
จะส่งกลับค่าในคอลัมน์แรกของ table_array ถ้า col_index_num
เท่ากับ 2 จะส่งกลับค่าในคอลัมน์ที่สองของ table_array และให้ผลทำนองเดียวกันสำหรับค่า col_index_num อื่นๆ
o
ถ้า col_index_num น้อยกว่า 1
จะแสดงข้อผิดพลาด #VALUE!
o
ถ้า col_index_num มากกว่าจำนวนคอลัมน์ทั้งหมดใน
table_array จะแสดงข้อผิดพลาด #REF
Range_lookup ค่าตรรกะที่ระบุว่าจะให้ฟังก์ชั่น LOOKUP ค้นหาค่าที่ตรงกันอย่างแม่นยำหรือตรงกันโดยประมาณ
o ถ้า range_lookup เป็น TRUE หรือละค่าไว้ ฟังก์ชั่น LOOKUP จะส่งกลับค่าที่ตรงกันอย่างแม่นยำ
แต่ถ้าไม่พบจะส่งกลับค่าที่ตรงกันโดยประมาณ
(ค่าที่ตรงกันโดยประมาณคือค่ามากที่สุดแต่น้อยกว่า Lookup_value)
o ถ้า range_lookup เป็น FALSE ฟังก์ชั่น VLOOKUP จะส่งกลับค่าที่ตรงกันอย่างแม่นยำ
ถ้าไม่พบจะแสดงข้อผิดพลาด #N/A
·
ฟังก์ชั่น HLOOKUP
เป็นฟังก์ชั่นค้นหาค่าจากแถวแรกของตารางหรืออาร์เรย์ข้อมูล
แล้วส่งกลับค่าที่อยู่ในคอลัมน์เดียวกันของแถวที่ระบุไว้
รูปแบบฟังก์ชั่น
HLOOKUP(lookup_value,table_array,row_index_num,range_lookup)
Lookup_value ค่าที่ต้องการค้นหาจากคอลัมน์แรกหรือคอลัมน์ซ้ายสุดของตาราง
ซึ่งเป็นได้ทั้งค่าตัวเลข ข้อความ หรือการอ้างอิงเซล
Table_array การอ้างอิงไปยังตารางที่ต้องการนำมาค้นหาข้อมูลที่ตรงกับ lookup_value
ซึ่งการอ้างอิงนี้อาจใช้การอ้างอิงตำแหน่งช่วงเซลหรืออ้างอิงชื่อช่วงเซลก็ได้
o
ถ้า lookup_value มีค่าน้อยกว่าค่าที่เล็กที่สุดในแถวแรกของ
table_array ฟังก์ชั่น HLOOKUP จะแสดงข้อผิดพลาด
#N/A
Row_index_num หมายเลขแถวใน table_array ที่ต้องการให้ส่งค่าที่ตรงกับ
lookup_value กลับมา
o
ถ้า row_index_num เท่ากับ 1
ฟังก์ชั่น HLOOKUP จะส่งกลับค่าในแถวแรกของ table_array
ถ้า row_index_num เท่ากับ 2
จะส่งกลับค่าในแถวที่สอง table_array และให้ผลทำนองเดียวกันสำหรับค่า
row_index_num อื่นๆ
o
ถ้า row_index_num น้อยกว่า 1
จะแสดงข้อผิดพลาด #VALUE!
o
ถ้า row_index_num มากกว่าจำนวนแถวทั้งหมดใน
table_array จะแสดงข้อผิดพลาด #REF
Range_lookup ค่าตรรกะที่ระบุว่าจะให้ฟังก์ชั่น HLOOKUP ค้นหาค่าที่ตรงกันอย่างแม่นยำหรือตรงกันโดยประมาณ
o
ถ้า range_lookup เป็น TRUE หรือละค่าไว้ ฟังก์ชั่น HLOOKUP จะส่งกลับค่าที่ตรงกันอย่างแม่นยำ
แต่ถ้าไม่พบจะส่งกลับค่าที่ตรงกันโดยประมาณ (ค่าที่ตรงกันโดยประมาณคือค่ามากที่สุดแต่น้อยกว่า
Lookup_value)
o
ถ้า range_lookup เป็น FALSE
ฟังก์ชั่น HLOOKUP จะส่งกลับค่าที่ตรงกันอย่างแม่นยำ
ถ้าไม่พบจะแสดงข้อผิดพลาด #N/A
·
ฟังก์ชั่น ROUND
เป็นฟังก์ชั่นปัดค่าตัวเลข
โดยให้มีจำนวนหลักทศนิยมเท่ากับที่ระบุไว้ ถ้าตัวเลขมีค่าตั้งแต่ 5
ขึ้นไปให้ปัดขึ้น ถ้ามีค่าตั้งแต่ 4 ลงมาให้ปัดลง
รูปแบบฟังก์ชั่น
ROUND
(number,num_digits)
Number ตัวเลขที่ต้องการนำมาปัดเศษ
Num_digits ตัวเลขทีใช้ระบุจำนวนหลักทศนิยมหรือความแม่นยำในการปัดเศษ
o
ถ้า num_digits มากกว่าศูนย์
จำนวนหลักทศนิยมหลังปัดเศษจะเท่ากับค่าที่ระบุไว้ ตัวอย่างเช่น ROUND(25.1254,2)
= 25.13
o
ถ้า num_digits เท่ากับศูนย์
จะปัดค่าตัวเลขเป็นจำนวนเต็มที่ใกล้เคียงที่สุด ตัวอย่างเช่น ROUND(25.1254,0)
= 25
o
ถ้า num_digits น้อยกว่าศูนย์
ตัวเลขหน้าจุดทศนิยมจะถูกนำมาปัดค่าโดยไปทางซ้ายตามจำนวนหลักที่ระบุไว้
ตัวอย่างเช่น ROUND(25.1254,-1) = 30
·
ฟังก์ชั่น ROUNDDOWN
เป็นฟังก์ชั่นปัดค่าตัวเลขลงโดยให้มีจำนวนหลักทศนิยมเท่ากับที่ระบุไว้
การทำงานของฟังก์ชั่นนี้จะต่างกับฟังก์ชั่น ROUND ตรงที่ ROUNDDOWN
จะปัดเศษลงเสมอ
รูปแบบฟังก์ชั่น
ROUNDDOWN(number,num_digits)
Number ตัวเลขที่ต้องการนำมาปัดเศษ
Num_digits ตัวเลขทีใช้ระบุจำนวนหลักทศนิยมหรือความแม่นยำในการปัดเศษ
o
ถ้า num_digits มากกว่าศูนย์
จำนวนหลักทศนิยมหลังปัดเศษจะเท่ากับค่าที่ระบุไว้ ตัวอย่างเช่น ROUNDDOWN(25.1254,2)
= 25.12
o
ถ้า num_digits เท่ากับศูนย์
จะปัดค่าตัวเลขเป็นจำนวนเต็มที่ใกล้เคียงที่สุด ตัวอย่างเช่น ROUNDDOWN(25.1254,0)
= 25
o
ถ้า num_digits น้อยกว่าศูนย์
ตัวเลขหน้าจุดทศนิยมจะถูกนำมาปัดค่าโดยไปทางซ้ายตามจำนวนหลักที่ระบุไว้
ตัวอย่างเช่น ROUNDDOWN(25.1254,-1) = 20
·
ฟังก์ชั่น ROUNDUP
เป็นฟังก์ชั่นปัดค่าตัวเลขขึ้นโดยให้มีจำนวนหลักทศนิยมเท่ากับที่ระบุไว้
การทำงานของฟังก์ชั่นนี้จะต่างกับฟังก์ชั่น ROUNDDOWN คือ จะปัดเศษขึ้นเสมอ
รูปแบบฟังก์ชั่น
Number ตัวเลขที่ต้องการนำมาปัดเศษ
Num_digits ตัวเลขที่ใช้ระบุจำนวนหลักทศนิยมหรือความแม่นยำในการปัดเศษ
o
ถ้า num_digits มากกว่าศูนย์
จำนวนหลักทศนิยมหลังปัดเศษจะเท่ากับค่าที่ระบุไว้ ตัวอย่างเช่น ROUNDUP(25.1254,2)
= 25.13
o
ถ้า num_digits เท่ากับศูนย์
จะปัดค่าตัวเลขเป็นจำนวนเต็มที่ใกล้เคียงที่สุด ตัวอย่างเช่น ROUNDUP(25.1254,0)
= 26
o
ถ้า num_digits น้อยกว่าศูนย์ ตัวเลขหน้าจุดทศนิยมจะถูกนำมาปัดค่าโดยไปทางซ้ายตามจำนวนหลักที่ระบุไว้
ตัวอย่างเช่น ROUNDUP(25.1254,-1) = 30
·
ฟังก์ชั่น ISNUMBER
เป็นฟังก์ชั่นที่ใช้ตรวจสอบว่าข้อมูลนั้นเป็นค่าตัวเลขหรือไม่
ถ้าเป็นค่าตัวเลขจะส่งค่า TRUE กลับมา
รูปแบบฟังก์ชั่น
ISNUMBER(value)
Value ค่าหรืออ้างอิงไปยังค่าที่ต้องการนำมาตรวจสอบ
·
ฟังก์ชั่น ISBLANK
เป็นฟังก์ชั่นที่ใช้ตรวจสอบว่าข้อมูลนั้นเป็นค่าว่างหรือไม่
ถ้าเป็นค่าว่างจะส่งค่า TRUE กลับมา
รูปแบบฟังก์ชั่น
ISBLANK(value)
Value ค่าหรืออ้างอิงไปยังค่าที่ต้องการนำมาตรวจสอบ
<Key Word สำหรับค้นหาบทความนี้> สอน Excel, Excel ขั้นสูง, หลักสูตร Excel, คำนวณ Excel, อบรม Excel, เรียน Excel, สูตร Excel, Excel Advance